Just-in-time : JIT คือ สถานะในอุดมคติที่มีการไหลของงานอย่างต่อเนื่อง (Continuous Flow) ที่เป็นไปตามความต้องการของลูกค้า ได้แก่ ทำเฉพาะสินค้าที่ลูกค้าสั่งเท่านั้น ทำให้เสร็จภายในเวลาที่ลูกค้าต้องการเท่านั้น ทำในปริมาณที่ลูกค้าต้องการเท่านั้น เพราะฉะนั้นการออกแบบกระบวนการไหลของสินค้า ตั้งแต่ขั้นตอนเตรียมวัตถุดิบ ไปผ่านขั้นตอนการแปรรูปต่าง ๆ จนกลายเป็นผลิตภัณฑ์ จนไปถึงกระบวนการบรรจุหีบห่อ และส่งมอบสินค้า จะต้องมีจังหวะที่สอดประสานกัน เกิดการไหลอย่างต่อเนื่อง ไม่มีจุดคอขวด (Bottleneck) ที่ทำให้กระบวนการชะงักงัน สภาวะในอุดมคติของ
Category: LEAN
เพราะทุกวินาทีมีค่า การทำงานที่ล่าช้าแม้เพียงเสี้ยววินาที อาจหมายถึง ความพ่ายแพ้ในการแข่งขัน SMED (Single Minute Exchange of Die) คือ เทคนิคในการลดเวลาการปรับตั้งเครื่องจักรให้อยู่ในระยะเวลาอันสั้นที่สุด โดยมีเป้าหมายต้องให้ไม่เกิน 10 นาที แต่ยิ่งรวดเร็วมากที่สุดเท่าไหร่ยิ่งดี ถูกคิดค้นขึ้น โดย Dr. Shingeo Shingo ซึ่งเป็นผู้ร่วมกันคิดระบบการผลิตแบบ โตโยต้า ร่วมกับ Taiichi Ohno
ระบบการบริหารงานหลายอย่างไม่ว่าจะเป็น 5S, TQM, TPM, TPS (Toyota Production System) หรือที่เรารู้จักกันในนามว่า “LEAN” นั้น มักมีคำถากถางคนไทยอยู่เสมอว่า “ระบบพวกนี้โตที่ญี่ปุ่น แต่ต้องมาตายที่เมืองไทย” ก็น่าสนใจนะครับว่าทำไมจึงเป็นเช่นนั้น ? ผมเองได้มีโอกาสไปศึกษาเรื่อง LEAN Production ที่ประเทศญี่ปุ่น เมื่อ 6 ปีที่แล้ว ช่วงที่เกิดเหตุการณ์ Tsunami
กุญแจสำคัญในการบริหารงานแบบลีน (Lean Management) ประกอบไปด้วย การทำให้ลูกค้าพึงพอใจ คือ ให้บริการได้อย่างมีคุณภาพมากขึ้น ภายใต้เวลาที่น้อยลง รวดเร็วขึ้น การมุ่งเข้าไปปรับปรุงกระบวนการ โดยเข้าไปขจัดข้อบกพร่อง (Defect) ที่ลูกค้าไม่ต้องการออกไป การร่วมกันทำงานเป็นทีม ที่จะช่วยกันแบ่งปันความคิดในการร่วมกันแก้ปัญหา การอ้างอิงข้อมูลข้อเท็จจริง (Fact Based) ในการตัดสินใจ โดยจุดเริ่มต้นต้องเริ่มจากข้อแรก คือ การทำให้ลูกค้าพึงพอใจ ที่จะต้องไปสืบค้นถึงความต้องการที่แท้จริงของลูกค้า ฟังเสียงของลูกค้า (Voice
เพื่อให้การปรับปรุงกระบวนการโดยการนำแนวคิดบริหารแบบลีน (Lean Management) มาใช้ สามารถวัดและประเมินมูลค่าความสูญเสียที่เกิดขึ้นที่สามารถเชื่อมโยงสะท้อนไปที่บัญชีต้นทุนได้อย่างแท้จริงว่า สามารถลดต้นทุนจากการลดความสูญเสียในกระบวนการได้เท่าไหร่ ก็จะต้องนำแนวคิดของ “MFCA” มาประยุกต์ใช้ “MFCA” คือ อะไร ? MFCA ย่อมาจากคำว่า Material Flow Cost Accounting บัญชีต้นทุนการไหลวัสดุ ที่มีจุดเริ่มต้นจากประเทศเยอรมนี และมาเริ่มใช้แพร่หลายในประเทศญี่ปุ่นในช่วง 10 กว่าปีที่ผ่านมา โดยมุ่งเน้นที่จะเข้าไปวัดมูลค่าวัตถุดิบ
การปรับปรุงงานด้วยการนำแนวคิดการบริหารงานแบบลีน (Lean Management) มาใช้นั้น นอกจากเพื่อวัตถุประสงค์ในการทำให้งานคล่องตัวแล้ว ก็ยังมีวัตถุประสงค์ในด้านสิ่งแวดล้อมด้วยเช่นกัน เรียกว่า “Lean for Environment” โดยนำแนวคิด “3 R” มาประยุกต์ใช้ อันได้แก่ R – Reduce การลดการใช้ทรัพยากรต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นวัตถุดิบ พลังงานไฟฟ้า น้ำ เชื้อเพลิง โดยพยายามเข้าไปลดจุดรั่วไหลที่เกิดขึ้นในกระบวนการ
การนำระบบการบริหารงานแบบลีน (Lean Management) มาปรับใช้ ก็เพื่อมุ่งเน้นขจัดความสูญเสียให้หมดไป ความคาดหวังในทางอุดมคติ เรียกว่า ต้องพยายามอย่างเต็มที่ที่จะต้องทำให้เกิดขึ้น คือ การมุ่งสู่ “5 Zero” อันประกอบด้วย 1. ของเสียเป็นศูนย์ (Zero Defect) เนื่องจากของเสีย เป็นต้นทุน 2. การรอคอยเป็นศูนย์ (Zero Delay) เนื่องจากการรอคอยทำให้ใช้ประโยชน์จากทรัพยากรที่มีอยู่ เช่น
ปรัชญาในเรื่องการปรับปรุงงาน ที่จะทำให้สามารถแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นได้อย่างแท้จริงนั้น จะต้องอยู่บนพื้นฐานของหลักการ “3G” อันประกอบไปด้วย “GENBA” – การลงไปดูที่สถานที่จริง “GENBUTSU” – การลงไปดูสภาพความผิดปกติที่เกิดขึ้นจริง “GENJITSU” – การพิจารณาสภาพแวดล้อมจริง ณ สถานที่เกิดเหตุ ซึ่งการที่เราลงไปดูสถานที่จริง ดูสภาพความผิดปกติที่เกิดขึ้นจริง และสภาพแวดล้อมจริง ก็จะทำให้เรามองเห็นว่าสถานการณ์ปัจจุบันเป็นอย่างไร ปัญหาอยู่ที่ตรงไหน ? ดูรายละเอียดหลักสูตร “Business Process
เริ่มต้นปีใหม่ ก็นับเป็นโอกาสที่ดีที่เราจะตั้งต้นในการกำหนดเป้าหมาย (Goal) ในเรื่องต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องงาน หรือเรื่องส่วนตัว โดยมีหลักการตั้งเป้าหมายง่าย ๆ คือ “SMART” S – Specific เป้าหมายที่ดีต้องระบุให้เฉพาะเจาะจงว่าจะทำเรื่องอะไร M – Measurable เป้าหมายที่ดีต้องสามารถวัดผลได้ A – Achievable เป้าหมายที่ดีต้องมีความท้าทายที่สามารถทำให้บรรลุได้ R – Realistic เป้าหมายที่ดีต้องสมเหตุสมผล
เริ่มต้นปีใหม่ หลายคนถือเป็นฤกษ์ในการที่จะเอาเครื่องมือพื้นฐานง่าย ๆ แต่เป็นจุดเริ่มต้นในการปรับปรุงงานที่สำคัญ นั่นก็คือ “5 ส.” นั่นเอง อันประกอบไปด้วย สะสาง (Sort) – แยกแยะสิ่งของ จำเป็นต่อการใช้งาน / ไม่ต้องการใช้งาน ออกจากกัน ถ้ายังไม่แน่ใจให้แยกไว้ต่างหาก สะดวก (Stabilize) – จัดระเบียบของที่จำเป็นต่อการใช้งาน ให้มีหมวดหมู่ชัดเจน และจัดเรียงไว้ในที่ของมัน สะอาด